ลิเวอร์พูล ยังคงรักษาสถิติชนะรวด

ลิเวอร์พูล ยังคงรักษาสถิติชนะรวด กำลังจะเสียสถิติชนะรวดอยู่รอมร่อ สุดท้าย ลิเวอร์พูล ก็ยังอุตส่าห์มีชัยเป็นเกมที่ 8 ติดต่อกันในซีซั่นนี้ นัดที่เจอกับเลสเตอร์ล่าสุด หงส์แดงเหนือกว่าด้วยคุณภาพของผู้เล่น แถมได้เปรียบจากการเป็นเจ้าบ้านจึงเป็นฝ่ายครองบอลพลางทำเกมรุกบุกได้มากกว่าตามฟอร์มปัญหาคือเหมือนไม่ค่อยละเอียดในการรุก แม้จะมีโอกาสทำประตูมากกว่า แต่ไม่สร้างความลำบากใจให้ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล สักเท่าไหร่เฉพาะอย่างยิ่ง โม ซาล่าห์ ที่พอสวมบทหน้าเป้าแล้วพิษสงลดลงไปเยอะเลย

อย่างไรก็ตามในช่วง 2-3 นัดที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล มักเป็นแบบนี้ คือบุกไปเรื่อยๆ ต่อเนื่องบ้าง ไม่ต่อเนื่องบ้าง แต่เดี๋ยวก็หาจังหวะยิงตุงตาข่ายได้เองนั่นแหละแล้วก็จริง จังหวะที่ขึ้นนำมาจากการจ่ายบอลแค่ไม่กี่ครั้งจากหน้าเขตโทษตัวเอง ก่อนที่ เจมส์ มิลเนอร์ จะวางยาวแบบคิลเลอร์พาสส์ทีเดียวให้ ซาดิโอ มาเน่ หลุดไปเผด็จศึก ซึ่งต้องขอบคุณอดีตเด็กผีอย่าง จ้อน อีแวนส์ ที่กะจังหวะพลาด

ช่วงครึ่งแรก เลสเตอร์ ไม่มีอะไรเลยนะครับ ความเร็วระดับทะลุมิติของ เจมี่ วาร์ดี้ ไม่มีประโยชน์ เพราะ ลิเวอร์พูล บุกแบบรัดกุม หลังไม่ได้ลอยขึ้นสูงเกินไป ซ้ำแดนกลางตัดเกมได้ตลอด ไม่อนุญาตให้สวนกลับเร็ว โอกาสยิงจึงเท่ากับ 0

ครึ่งหลัง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ส่ง มาร์ค อัลไบรท์ตัน มาเปิดบอลริมเส้น แม้จะทำอะไรไม่ได้มาก แต่อย่างน้อย มันเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการโจมตี และสร้างความกดดันในแผงหลังของคู่แข้งบ้าง

ต่อเมื่อ ลิเวอร์พูล ยังทิ้งห่างไม่ได้ พวกจิ้งจอกก็ยังอยู่ในเกม ว่าแล้วก็ค่อยๆ เพิ่มระดับการรุกมากขึ้นด้วยการถอดมิดฟิลด์ตรงกลางออกไป 1 ตัว แล้วส่งหน้าอย่าง เปเรซ ลงมาโขยกพลางปรับหมากเตะเป็น 4-2-3-1 ขยับ เจมส์ แมดดิสัน มาเป็นกองหน้าตัวที่ 2 โดยเริ่มมีโอกาสมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะยิงตีเสมอได้สำเร็จ

ตอนนั้นเหลือเวลาแค่ 10 นาที เลสเตอร์ เหมือนได้ใจแทนที่จะถอยกลับมารับ เพื่อเอาเสมอ กลับคิดการใหญ่ว่าจะ ‘เอาตาย’ เลยเปิดฉากบุก แต่ดันกล้าๆ กลัวๆ จนไปไม่สุด เพราะพอใกล้หมดเวลา ดันถอด แมดดิสัน ออกแล้วส่งมิดฟิลด์หัวฟูๆ ลงมาช่วยเกมรับเป็นการกวักมือเรียกให้เจ้าบ้านบุกในช่วงสุดท้าย

ลิเวอร์พูล และนาทีนี้ตายยากยิ่งกว่า ‘เจสัน’ อีกนะครับ ฟอร์มการเล่นอาจไม่น่าประทับใจ แถมยังเสียประตูแม่งเกือบทุกนัด ทว่าผลสุดท้าย ไม่ใช่แค่เอาตัวรอด แต่เป็นผู้ชนะตลอด