ปรับรูปแบบโฮมเนชั่นส์ซีรี่ส์ มือท็อป 16 ได้สิทธิ์รอแข่งรอบเมนดรอว์

ย้อนเวลากลับไปในการแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพโลกในฤดูกาล 2016-2017 เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน เวิลด์สนุกเกอร์ทัวร์(WST) หรือที่ตอนนั้นยังใช้ชื่อองค์กรเดิมว่า “เวิลด์สนุกเกอร์” ได้คิดค้นการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ประเภทโฮมเนชั่นส์ซีรี่ส์ขึ้นมา

    โดยรายการประเภทดังกล่าวมี 4 รายการได้แก่ อิงลิชโอเพ่น, นอร์เทิร์นไอร์แลนด์โอเพ่น, สกอตติชโอเพ่น และ เวลช์โอเพ่น 

    รายการทั้ง 4 เหล่านี้ เสมือนเป็นทัวร์นาเมนต์ตัวแทนของ 4 ประเทศในเครือสหราชอาณาจักร ประกอบด้วย อิงลิชโอเพ่น(อังกฤษ), นอร์เทิร์นไอร์แลนด์โอเพ่น(ไอร์แลนด์เหนือ), สกอตติชโอเพ่น(สกอตแลนด์) และเวลช์โอเพ่น(เวลส์)    ทั้ง 4 ประเทศที่เอ่ยมา ก็จะต้องรับผิดชอบเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรายการของตัวเอง อีกทั้งถ้วยรางวัลสำหรับแชมป์ของทั้ง 4 รายการดังกล่าว จะถูกกำหนดให้เป็นชื่อตำนานสอยคิวของทั้ง 4 ประเทศอีกด้วย

    อย่างเช่นถ้วยแชมป์อิงลิชโอเพ่น มีชื่อว่า “เดอะเดวิสโทรฟี่” เพื่อเป็นเกียรติแก่ สตีฟ เดวิส อดีตแชมป์โลก 6 สมัยชาวอังกฤษ, ถ้วยแชมป์นอร์เทิร์นไอร์แลนด์โอเพ่น มีชื่อว่า “เดอะฮิกกินส์โทรฟี่” เพื่อเป็นเกียรติแก่ อเล็กซ์ ฮิกกินส์ แชมป์โลก 2 สมัยชาวไอร์แลนด์เหนือ, เช่นเดียวกับถ้วยแชมป์สกอตติชโอเพ่น มีชื่อว่า “เดอะเฮนดรี้โทรฟี่” เพื่อเป็นเกียรติแก่ สตีเฟ่น เฮนดรี้ แชมป์โลก 7 สมัยชาวสกอต และถ้วยแชมป์เวลช์โอเพ่น มีชื่อว่า “เดอะเรียร์ดอนโทรฟี่” เพื่อเป็นเกียรติแก่ เรย์ เรียร์ดอน ตำนานแชมป์โลก 6 สมัยชาวเวลส์

    ตลอด 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้ง 4 รายการนี้ มีระบบการแข่งขันเหมือนกัน กล่าวคือจะไม่มีรอบคัดเลือก นักสอยคิวในทัวร์ทั้ง 128 คน จะลงแข่งขันตั้งแต่รอบแรก(128 คน) จนถึงรอบชิงชนะเลิศไปทีเดียวเลย โดยไม่ต้องแบ่งช่วงเวลาแข่งขันระหว่างรอบคัดเลือกกับรอบเมนดรอว์เฉกเช่นรายการอื่น

    อีกทั้งเงินรางวัลสำหรับแชมป์ของทั้ง 4 รายการ ยังมีมูลค่า 70,000 ปอนด์เท่ากันอีกด้วย และในแต่ละฤดูกาล(ยกเว้นฤดูกาล 2020-2021) ยังมีเงื่อนไขด้วยว่า หากใครคว้าแชมป์โฮมเนชั่นซีรี่ส์ทั้ง 4 รายการภายในฤดูกาลเดียวกัน จะได้รับโบนัสก้อนโตมูลค่า 1 ล้านปอนด์(43 ล้านบาท)อีกต่างหาก